= TaLonGirls = by KeawZaaa & ^^Dear^^

วันพุธ, มีนาคม 19, 2546

โตเกียว 2: ศาลเจ้าเมจิ ฮาราจูกุ

19 มีนาคม 2546

วันนี้เริ่มเรียนวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก ก็แนะนำตัวเท่าที่พอพูดได้ อ.ที่นี่ดีมากๆ ตื่นเต้นกับการมาของเราเหลือเกิน เค้าบอกว่าโรงเรียนนี้ไม่เคยมีคนไทยมาเรียนเลย พวกเราเป็นกลุ่มแรก แต่ช่วงนี้เค้าปิดเทอมกัน เลยมีแค่พวกเรา 7 คน เค้าก็แบ่งพวกเราเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม A กะกลุ่ม B ทีแรกเราก็อยู่กลุ่มเอ กับจั่น จอย ทราย แต่คุณน้องสองคนเธอไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยซักตัว เค้าเลยให้เริ่มตั้งแต่ โอฮาโย่ - -‘ จบคาบเลยไปบอกแอนขอเปลี่ยนห้องได้มั๊ย แล้วเลยได้ไปอยู่ห้องบี กะสุ พี่เบนซ์ ตูน สุนี้พูดใช้ได้เลย พี่เบนซ์ก็พอพูดได้ ตูนเหมือนจะพูดได้แต่ไม่ค่อยยอมพูด เรานี่ก็แทบจะพูดไม่ได้เลย ที่เค้าสอนๆนี่ก็เรียนมาบ้าง ไม่เคยเรียนบ้าง กลางวันก็ไปหาข้าวกินแถวโรงเรียน แถวนั้น(สถานีโคเอนจิ) ก็มีร้านข้าวอยู่หลายร้าน มื้อกลางวันก็กินแถวนั้นทุกวันแหละ ข้าวมื้อนึงก็ประมาณ 400 – 600 เยน (แต่ข้าวหน้าเนื้อถูกมาก แค่ 280 เยนเอง) ตอนเย็นก็แวะไปเดิน Shinjuku กันนิดหน่อยแล้วก็กลับมาหาอะไรกินแล้วก็นอน


20 มีนาคม 2546
ตอนเช้าเรียนหนังสือถึงเที่ยง บ่ายโรงเรียนพาไปศาลาว่าการกรุงโตเกียว ขึ้นตึกไปชมวิวเมืองกัน ฟรี! ก็วิ่งๆถ่ายรูปกันพอสมควร แล้วก็นั่งรถไฟสาย Yamanote แสนสบายไป Harajuku กัน เราก็เอ๊ะ เราต้องไปศาลเจ้าเมจิก่อนนี่นา แล้วค่อยไปฮาราจุกุ ถนนวัยรุ่นแต่งตัวบ้าๆบอๆ ปรากฏว่ามันอยู่ติดกันเลย เป็นที่ๆไม่เข้ากันอย่างแรง ศาลเจ้าเมจิใหญ่โต พอเข้าประตูวัดไปก็เป็นต้นไม้ๆ ครึ้มๆ สงบเงียบมาก มีถนนหินใหญ่ๆให้คนเดินเข้าไป ต้มไม้ก็เขียวดีจัง เราไปช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดีด้วย เดินเข้าไปถึงศาลเจ้าก็เข้าไปไหว้ ถ่ายรูป แล้วก็ซื้อเครื่องรางไปเป็นของฝากกัน


ทางเดินจากประตูวัดเข้าไปตัวตึก


ประตูวัดข้างใน


ซุ้มขายเครื่องราง


อยากขออะไรก็เอาแผ่นไม้มาเขียนอธิฐานเอา (เทพเจ้าอ่านภาษาไทยออกมั๊ยเนี่ย)

ออกมาเริ่มเย็นแล้ว สะพานตรงหน้าวัดเริ่มมีเด็กวัยรุ่นแต่งตัวประหลาด ร้องเพลงกันอยู่ อ.ที่พาไปบอกว่าต้องมาดูวันเสาร์อาทิตย์ มีเยอะมาก แล้วก็เดินไปที่ถนน Takeshita (ห้ามตัดตัว a ) เป็นถนนที่ร้านขายของกะคนแต่งตัวแปลกๆ ถนนก็เป็นสายแคบๆ ประมาณซอย 2 เลน แล้วก็ยาวซัก 500 เมตรได้ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าวัยรุ่น เราก็เดินๆดูๆ ไม่รู้จะซื้ออะไร เลยได้เครปมาแทน ใส่ผลไม้กะวิปครีมอร่อยดี แล้วก็นัดฮิโรมาเจอกันที่ Harajuku เนี่ยแหละ คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง กว่าจะนัดกว่าจะเจอกันได้ หมดค่าโทรฯไปเยอะมาก (จะบอกว่าจริงๆก็จำหน้ามันไม่ได้หรอก เคยเจอครั้งเดียวที่เมืองไทย)


หน้าปากซอย takeshita

พอเจอกันฮิโรก็พานั่งรถไป Shibuya โอ..เก๋ไก๋มากค่ะ มีห้างร้านขายของเยอะแยะเลย แล้วก็มีแยกใหญ่ๆที่มีทีวีจอใหญ่ (มีตั้งหลายจอด้วยนะ) แล้วก็ทางม้าลายใหญ่ๆ ข้ามแบบทแยงมุม พอถึงเวลารถที่วิ่งต้องหยุดหมด ให้คนข้ามๆๆ คนเยอะมากๆ (แยกที่เค้าชอบไปถ่ายมาให้ดูในทีวีน่ะ) อ๊ะ แต่ก่อนอื่นต้องนี่เลย อนุสาวรีย์หมา ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วอ่ะ เค้าบอกว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนๆนึงเค้าเลี้ยงหมา พอตอนเย็นๆหมาตัวนี้ก็จะมารอรับเค้าที่สถานีชิบูยะทุกวัน อยู่ๆไปไม่รู้ทำไปเจ้าของไปแล้วไม่กลับมา (ตายนั่นแหละ) แต่หมาตัวนั้นก็ยังมารอรับเจ้านายกลับทุกวันๆ จนมันตาย คนที่นั่นเค้าเลยสร้างอนุสาวรีย์ให้มันเพราะความรัก ความกตัญญูที่มันมีต่อเจ้านาย จนตอนนี้รูปปั้นหมาก็กลายเป็นจุดนัดพบของหนุ่มสาวแถวนั้นไป

กลับไปเรื่องชิบูยะต่อ ที่โน่นประมาณแบบสยามบ้านเรา เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น (ที่ไม่บ้าขนาดที่ฮาราจูกุ) มาช้อปปิ้ง เที่ยวเล่น เดท ฯลฯ แต่กว้างใหญ่และเก๋ไก๋กว่าบ้านเรามาก เจอหนุ่มๆน่ารักๆเพียบ แต่เรามากับโรที่ดูไม่เก๋ไก๋เลยแม้แต่น้อย (ว่าคนอื่นเค้า ดูตัวเราเองซะมั่งสิ)

ก่อนอื่นฮิโรพาไปซูชิหมุนๆ หรือที่เรียกว่า kaiten sushi จานละ 100 เยนเท่านั้น คิวยาวล้นออกมานอกร้าน แต่คนหมุนเวียนเร็วมาก รอไม่นานนักก็ได้กิน ไม่มีใครนั่งแช่เมาท์แตกกันเพราะร้านนี้เค้าให้เวลาแค่คนละครึ่งชั่วโมงเองและต้องกินให้ได้อย่างน้อย 7 จาน โหดมาก ทีแรกเราก็มัวแต่คุยกัน จนเค้าต้องมาเตือนว่า ต้องกินอย่างน้อย 7 จานนะ เราก็ค่อยเร่งสปีดกันหน่อย ได้ลองกินซูชิไข่ปลาครั้งแรก อร่อยมากๆ (แต่พอกลับมาหากินที่เมืองไทย แหลกไม่ลงเลย คาวมาก)

กินเสร็จฮิโรก็พาเดินไปดูร้านอาหารไทย แล้วก็สุกี้โคคา (เพื่ออะไรเนี่ย) แล้วก็ไปจบที่ร้านfastfood ร้านนึง เพราะจะได้วางแผนเที่ยวกัน ฮิโรน่ารักมากๆๆๆๆๆ เตรียมของมาให้เราหมด ทั้งแผนที่ บัตรโทรศัพท์ แผ่นผับนำเที่ยว แถมยังเปลี่ยนกะทำงานมาให้ตรงกับกับที่เราว่าง เอาแผนที่มากางว่าตรงไหนมีอะไร นั่งกันอยู่ถึง 4 ทุ่มได้ ฮิโรก็กลัวเรากลับไม่ถูก เลยอุตส่าห์มาส่งถึงหน้าหอพักเราเลย ซึ้งใจมาก กลับไปถึงคนอื่นหลับกันหมดแล้ว เราก็ย่องๆไปอาบน้ำนอน