ปารีส 3:
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าในห้องแปลกตา ท่ามกลางคนแปลกหน้า ไอ้ที่นอนสปริงชั้น 2 นี่มันยวบจริงเว้ย มิน่าเหลือเป็นเตียงสุดท้าย เพิ่งจะมาเห็นหน้าคนร่วมห้องก็ตอนเช้าเนี่ยแหละ มี 2 สาววัยรุ่นๆคาดว่าคงมาจากเมกา เริ่มแต่งตัวออกไปแต่งเช้า คุณป้าไต้หวันอายุ 40 กว่ายังมาเที่ยวคนเดียวได้ แล้วก็สาวโปรตุเกสอายุประมาณเท่าๆเรา
อาหารเช้ามีถึง 9 โมง ทีแรกกลัวตื่นมากินไม่ทันมากๆ แต่นอนรวมอย่างงี้ต้องมีคนตื่นมาทำเสียงกุกกักๆก่อนอยู่แล้ว มือถือที่กะเอามาปลุกเลยไม่ต้องใช้เลย ห้องแค๊บแคบ ไม่สามารถยืนจัดข้าวของพร้อมกันได้เกิน 3 คน เพราะฉะนั้นเลยต้องทยอยกันตื่น จะได้ไม่แออัดกันเกินไป โชคดีที่เริ่มเข้าหน้าร้อน 3-4 ทุ่มข้างนอกยังสว่างอยู่ เลยไม่ต้องรีบร้อนตื่นไปไหน ตื่นให้ทันอาหารเช้าก็พอ
มื้อเช้ารวมอยู่ในค่าห้องเรียบร้อย ประกอบด้วย บาแกตอันพอดีมือ กับครัวซองอย่างละอันวางชืดๆอยู่ในตระกร้าสาน เนย แยมหยิบเอาตามใจ กาแฟแก้ว น้ำส้มแก้ว กินอย่างงี้แหละตลอดทริป ห้องอาหารเป็นอิฐเปลือยอยู่ชั้นใต้ดิน ดูเล็กๆแต่ก็อบอุ่นดี มีเจ๊หมวยๆอ้วนๆคอยจัดอาหารให้ เหมือนเจ๊จะพูดอังกฤษไม่ได้ หรือไม่ยอมพูดเนี่ยแหละ กว่าจะขอ "กาแฟใส่นม"ได้นี่ยืนส่งภาษากันหลายวินาทีอยู่ (วันที่สองนึกว่าจำได้ว่าสั่งยังไง ลงมาก็ "คาเฟ ลาเต้"อย่างมั่นใจ ปรากฎว่าไม่ใช่อยู่ดี เหมือนจะต้องเป็น "คาเฟ โอเล่" หรือไงเนี่ย)
วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้าเลย นัดกะโซเลียไว้ต้องบ่ายโมง(เพิ่งสอบเสร็จ ยังไม่ได้พักเลย) ไอ้โปรแกรมที่วางไว้สำหรับวันนี้เมื่อวานก็ไปซะเกือบหมดแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรเลยกลับขึ้นห้องไปนั่งเมาท์กะคุณป้าไต้หวัน+สาวโปรตุเกสก่อน จะได้รู้ว่าที่ไหนน่าไปไม่น่าไปมั่ง คุยซักพักเริ่มเสียดายเวลาที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา โผล่หน้าออกไปเดินเล่นซะหน่อยดีกว่า
เมื่อวานตั้งใจไว้แล้วว่าจะกลับไป la concorde อีก เพราะเมื่อวานกล้องแบตหมด ยังไม่ได้ถ่ายรูปแถวนี้เลยก็เลยนั่งรถไฟไปที่โน่นที่แรก (ซื้อตั๋วอาทิตย์ไว้แล้วเอาให้คุ้ม)
194
เสาไฟฟ้า หอไอเฟล Obelisk
197
ฟ้าปิด ฝนตกพรำๆ เห็นรถทัวร์นักท่องเที่ยวมาแวะจอดถ่ายรูปเป็นพักๆ เราก็ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ จนข้ามลานกว้างมาโผล่ริมแม่น้ำ Seine กำลังจะข้ามสะพานไปอีกฝาก หันไปเห็น เอ๊ะ.. สะพานตรงโน้นทองดีจัง ไม่ได้แล้ว ไปข้ามสะพานไฮโซนั่นดีกว่า
201
ย้อนกลับมาฝากเดิม เดินเลาะริมแม่น้ำไป ต้นไม้ที่นี่เค้าตัดตรงเช๊ะเลยแฮะ (แอบเห็นคู่หนุ่มสาวมาเดินกระจุ๋งกระจิ๋งตากฝน สวีทกันเหลือเกินนะ!
204
เพียงช่วงอึดใจก็เดินมาถึงสะพานไฮโซจนได้ คิดถูกจริงๆที่ยอมเดินอ้อมมา กลับมาเปิดตำราที่บ้านค่อยรู้ว่าสะพานนี้คือ Pont Alexander III สะพานที่สวยที่สุดในกรุงปารีส
206
อีกมุม
แล้วก็เดินมั่วๆซั่วๆถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย แผนที่มีแต่อันที่อยุ่ในไกด์บุคราคาแพง ไม่กล้าควักออกมาเปิดเพราะกลัวเปียกฝน ^^' เดินไปเจอ metro ก็ลงไปขึ้นสถานีนั้นที โน้นที ที่สถานี Louve มีทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆตรงสถานีด้วย สวยดี ที่นี่แต่ละสถานีไม่เหมือนกันเลย ทั้งการตกแต่งที่ชานชลา ตามทางเดิน เดินไปบางทีก็เปลี่ยวๆ น่ากลัวใช้ได้ บางอุโมงค์ก็มีคนมาเล่นคนตรีคลายบรรยากาศทะมึนๆของอุโมงค์ไปได้เยอะ
213
ป้ายที่จอดรถ มีที่ให้ชาร์ตไฟรถที่ใช้ไฟฟ้าด้วย เห็นหลายคันอยู่เหมือนกัน พวกรถเล็กๆมี 2 ที่นั่ง น่ารักดี หาที่จอดง่าย
214
รถที่นี่ส่วนใหญ่เป็นรถเล็กๆ จะมีพวกคันใหญ่ๆก็เห็นจะเป็นพวกแท๊กซี่ ดูยี่ห้อแต่ละคันสิ
217
สถานีนี้แต่งเหมือนผนังห้องน้ำมาก ^^
220
โผล่ขึ้นมาจาก metro ก็เจอไอ้เสาเนี่ย อะไรไม่รู้เหมือนกัน
221
ทางเดินใต้ดินอีกที่ อันนี้โฆษณาเพียบ
วนๆไม่รู้จะไปไหนอยู่ดีเลยกลับมาเดินแถวที่พักซะหนอ่ยละกัน เพราะนัดกันแถวนี้
223
ถนนแคบๆปูหินกะทาวน์เฮาส์สูงๆสไตล์เมืองปารีสเค้าล่ะ
เห็นห้องแถวหลังรถคันนี้มั๊ย นี่แหละที่พักเรา
224
เดินมาถ่ายข้างหน้าหน่อย ห้องแคบ เตียงเก่าไปหน่อย แต่ทำเลดี๊ดี แถมรอบข้างยังมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย
226
เดินวกมาหน่อยก็ถึงทางลง metro ตรงนี้เป็นตลาด(แต่ไม่รู้ตั้งแผงกันตอนไหน ไม่เห็นจะเจอเลย)
เวลาไม่ตั้งแผงก็เก็บกวาดกันสะอาดเรียบร้อย
รอแล้วรออีกเลยไปนั่งรถมันที่นัดเลยละกัน นั่งมันตรงชานชาลานี่แหละ ทั้งอุ่น ทั้งสว่าง มีที่นั่งแห้งๆด้วย นั่งอ่านหนังสือนำเที่ยวไปพลาง ดูคนเดินไปเดินมาไปพลาง คนอื่นเค้ามีแต่รีบมารีบไป ไอ้หนูนี่มันกะจะใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้เลยหรอไง ชักรู้สึกเหมือนพวก homeless ยังไงไม่รู้ ดีที่โซเลียมาก่อนเวลาตั้ง 20 นาที (เย้ๆๆๆ) เลยไม่ต้องนั่งแกร่วอยู่นาน
ถ่ายจากที่นั่งรอนั่นแหละ ชอบรูปนี้ม๊ากมาก รีบถ่ายจัดกลัวคนฝั่งกระโน้นเห็นว่าแอบถ่าย
แผนการบ่ายนี้คือตะลุยย่าน Marais กัน ออกแบบเส้นทางโดยคุณมะปรางผู้เชี่ยวชาญ เริ่มที่สถานี St. Paul เดินไปถึง Hotel de Sully ตึกสมัยยุคเรเนซอง แล้วต่อด้วย Place des Vosges เป็นบ้านที่ปลูกเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสให้สมมาตรกันเด๊ะ หันหน้าเข้าหาสวนใหญ่ตรงกลาง เคยเป็นที่อยู่ของคนดังทั้งหลายแหล่ ที่มีชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็น Victor Hugo นักประพันธ์ชื่อดังของเมืองปารีส ผู้แต่ง Les Miserables และ Notre-Dame de Paris หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษคือ The Hunchback of Notre-Dame
232
ถ่ายจากหน้า Maison de Victor (บ้านของวิกเตอร์นั่นเอง)
233
วันนี้ปิดพอดีเลยถ่ายมาได้แค่ประตู T_T
ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มสาวผิวดำเดินมาพอดี พูดๆๆๆแล้วก็อัดวีดีโอกันอยู่ตั้งนาน (เขยิบซะทีเด่ คนอื่นจะถ่ายมั่ง) พอสองคนนั่นตั้งท่าจะไปกลับกลายเป็นว่ามาขอให้เราช่วยถือกล้องวีดีโอให้หน่อย แล้วสองคนนั่งก็ไปยืนพร่ำอยู่หน้าป้ายเนี่ย พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังมาจุ๊บกันให้เราถ่ายอีก สวีทกันจริงจริ๊ง ท่าจะเป็นพวกคู่ฮันนีมูน
เดินต่อผ่านไปอีกหลายจุด //// ตามที่มะปรางบอกมา ไปถึงก็ยืนงงๆกันว่าให้มาดูอะไร ใกล้ๆมี //musee chanavalet// แต่วันนี้ปิด (ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปหรอก) เดินกางร่มเที่ยวนี่ไม่สนุกเลย ทั้งต้องถือร่ม เปิดแผนที่ ถ่ายรูปอีก เห็น //musee picasso// อยู่ใกล้ๆ ราคาไม่แพง เลยแวะเข้าไปหน่อยละกัน
เราก็ไม่ได้เป็นพวกนิยมศิลปะเท่าไหร่ ไม่ค่อยจะรู้จักอะไรกะเค้าเลย มาทริปนี้นี่เปิดหูเปิดตามาก
246
self portrait - picasso
รูปอื่นๆก็จะประมาณนี้
250
257
261
264
นอกจากรูปวาดก็ยังไม่ผลงานอีกหลายๆอย่าง เก้าอี้??
พวกงานโลหะทั้งหลาย ถ้วยชาม หม้อไหดินเผาก็มี
269
ถ่ายลายเซ็นมาให้ดูชัดๆ
แพะ!!
ขาออกมาเจอกลุ่มนักเรียนประถมเหมือนจะมาทัศนศึกษากัน เดินกันยั้วเยี้ย เป็นนักเรียนในปารีสนี่ดีเนอะ มีที่ให้ไปเยอะแยะ
แล้วก็ออกมากางร่มต่อ เจอตึกที่ขัดกับบรรยากาศรอบข้างม๊ากมาก อย่าง //pompidou// โครงเหล็กและท่อหลากสีเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ จะหาที่ไหนได้นอกจากที่นี่
ถ่ายรูปไปทีนึง เหลือบไปเห็นหัวมุมฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหาร fast food ราคาไม่แพงแฮะ แวะลงไปกินกันหน่อย ร้านอยู่ใต้ดิน มีหลายๆซุ้ม อาหารก็จะติดราคาไว้แล้ว อยากกินไรก็หยิบๆตักๆ แล้วไปคิดเงินรอบเดียวตรงทางออก
สเต็กเนื้อ // ยูโร เครื่องเคียงไม่อั้น คุ้มสุดๆ
กินเสร็จก็เข้ามาข้างในตึก
292
295
298
296
309
313
319
325
331
338
345
349
351
354
355
อาหารเช้ามีถึง 9 โมง ทีแรกกลัวตื่นมากินไม่ทันมากๆ แต่นอนรวมอย่างงี้ต้องมีคนตื่นมาทำเสียงกุกกักๆก่อนอยู่แล้ว มือถือที่กะเอามาปลุกเลยไม่ต้องใช้เลย ห้องแค๊บแคบ ไม่สามารถยืนจัดข้าวของพร้อมกันได้เกิน 3 คน เพราะฉะนั้นเลยต้องทยอยกันตื่น จะได้ไม่แออัดกันเกินไป โชคดีที่เริ่มเข้าหน้าร้อน 3-4 ทุ่มข้างนอกยังสว่างอยู่ เลยไม่ต้องรีบร้อนตื่นไปไหน ตื่นให้ทันอาหารเช้าก็พอ
มื้อเช้ารวมอยู่ในค่าห้องเรียบร้อย ประกอบด้วย บาแกตอันพอดีมือ กับครัวซองอย่างละอันวางชืดๆอยู่ในตระกร้าสาน เนย แยมหยิบเอาตามใจ กาแฟแก้ว น้ำส้มแก้ว กินอย่างงี้แหละตลอดทริป ห้องอาหารเป็นอิฐเปลือยอยู่ชั้นใต้ดิน ดูเล็กๆแต่ก็อบอุ่นดี มีเจ๊หมวยๆอ้วนๆคอยจัดอาหารให้ เหมือนเจ๊จะพูดอังกฤษไม่ได้ หรือไม่ยอมพูดเนี่ยแหละ กว่าจะขอ "กาแฟใส่นม"ได้นี่ยืนส่งภาษากันหลายวินาทีอยู่ (วันที่สองนึกว่าจำได้ว่าสั่งยังไง ลงมาก็ "คาเฟ ลาเต้"อย่างมั่นใจ ปรากฎว่าไม่ใช่อยู่ดี เหมือนจะต้องเป็น "คาเฟ โอเล่" หรือไงเนี่ย)
วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้าเลย นัดกะโซเลียไว้ต้องบ่ายโมง(เพิ่งสอบเสร็จ ยังไม่ได้พักเลย) ไอ้โปรแกรมที่วางไว้สำหรับวันนี้เมื่อวานก็ไปซะเกือบหมดแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรเลยกลับขึ้นห้องไปนั่งเมาท์กะคุณป้าไต้หวัน+สาวโปรตุเกสก่อน จะได้รู้ว่าที่ไหนน่าไปไม่น่าไปมั่ง คุยซักพักเริ่มเสียดายเวลาที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา โผล่หน้าออกไปเดินเล่นซะหน่อยดีกว่า
เมื่อวานตั้งใจไว้แล้วว่าจะกลับไป la concorde อีก เพราะเมื่อวานกล้องแบตหมด ยังไม่ได้ถ่ายรูปแถวนี้เลยก็เลยนั่งรถไฟไปที่โน่นที่แรก (ซื้อตั๋วอาทิตย์ไว้แล้วเอาให้คุ้ม)
194
เสาไฟฟ้า หอไอเฟล Obelisk
197
ฟ้าปิด ฝนตกพรำๆ เห็นรถทัวร์นักท่องเที่ยวมาแวะจอดถ่ายรูปเป็นพักๆ เราก็ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ จนข้ามลานกว้างมาโผล่ริมแม่น้ำ Seine กำลังจะข้ามสะพานไปอีกฝาก หันไปเห็น เอ๊ะ.. สะพานตรงโน้นทองดีจัง ไม่ได้แล้ว ไปข้ามสะพานไฮโซนั่นดีกว่า
201
ย้อนกลับมาฝากเดิม เดินเลาะริมแม่น้ำไป ต้นไม้ที่นี่เค้าตัดตรงเช๊ะเลยแฮะ (แอบเห็นคู่หนุ่มสาวมาเดินกระจุ๋งกระจิ๋งตากฝน สวีทกันเหลือเกินนะ!
204
เพียงช่วงอึดใจก็เดินมาถึงสะพานไฮโซจนได้ คิดถูกจริงๆที่ยอมเดินอ้อมมา กลับมาเปิดตำราที่บ้านค่อยรู้ว่าสะพานนี้คือ Pont Alexander III สะพานที่สวยที่สุดในกรุงปารีส
206
อีกมุม
แล้วก็เดินมั่วๆซั่วๆถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย แผนที่มีแต่อันที่อยุ่ในไกด์บุคราคาแพง ไม่กล้าควักออกมาเปิดเพราะกลัวเปียกฝน ^^' เดินไปเจอ metro ก็ลงไปขึ้นสถานีนั้นที โน้นที ที่สถานี Louve มีทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆตรงสถานีด้วย สวยดี ที่นี่แต่ละสถานีไม่เหมือนกันเลย ทั้งการตกแต่งที่ชานชลา ตามทางเดิน เดินไปบางทีก็เปลี่ยวๆ น่ากลัวใช้ได้ บางอุโมงค์ก็มีคนมาเล่นคนตรีคลายบรรยากาศทะมึนๆของอุโมงค์ไปได้เยอะ
213
ป้ายที่จอดรถ มีที่ให้ชาร์ตไฟรถที่ใช้ไฟฟ้าด้วย เห็นหลายคันอยู่เหมือนกัน พวกรถเล็กๆมี 2 ที่นั่ง น่ารักดี หาที่จอดง่าย
214
รถที่นี่ส่วนใหญ่เป็นรถเล็กๆ จะมีพวกคันใหญ่ๆก็เห็นจะเป็นพวกแท๊กซี่ ดูยี่ห้อแต่ละคันสิ
217
สถานีนี้แต่งเหมือนผนังห้องน้ำมาก ^^
220
โผล่ขึ้นมาจาก metro ก็เจอไอ้เสาเนี่ย อะไรไม่รู้เหมือนกัน
221
ทางเดินใต้ดินอีกที่ อันนี้โฆษณาเพียบ
วนๆไม่รู้จะไปไหนอยู่ดีเลยกลับมาเดินแถวที่พักซะหนอ่ยละกัน เพราะนัดกันแถวนี้
223
ถนนแคบๆปูหินกะทาวน์เฮาส์สูงๆสไตล์เมืองปารีสเค้าล่ะ
เห็นห้องแถวหลังรถคันนี้มั๊ย นี่แหละที่พักเรา
224
เดินมาถ่ายข้างหน้าหน่อย ห้องแคบ เตียงเก่าไปหน่อย แต่ทำเลดี๊ดี แถมรอบข้างยังมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย
226
เดินวกมาหน่อยก็ถึงทางลง metro ตรงนี้เป็นตลาด(แต่ไม่รู้ตั้งแผงกันตอนไหน ไม่เห็นจะเจอเลย)
เวลาไม่ตั้งแผงก็เก็บกวาดกันสะอาดเรียบร้อย
รอแล้วรออีกเลยไปนั่งรถมันที่นัดเลยละกัน นั่งมันตรงชานชาลานี่แหละ ทั้งอุ่น ทั้งสว่าง มีที่นั่งแห้งๆด้วย นั่งอ่านหนังสือนำเที่ยวไปพลาง ดูคนเดินไปเดินมาไปพลาง คนอื่นเค้ามีแต่รีบมารีบไป ไอ้หนูนี่มันกะจะใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้เลยหรอไง ชักรู้สึกเหมือนพวก homeless ยังไงไม่รู้ ดีที่โซเลียมาก่อนเวลาตั้ง 20 นาที (เย้ๆๆๆ) เลยไม่ต้องนั่งแกร่วอยู่นาน
ถ่ายจากที่นั่งรอนั่นแหละ ชอบรูปนี้ม๊ากมาก รีบถ่ายจัดกลัวคนฝั่งกระโน้นเห็นว่าแอบถ่าย
แผนการบ่ายนี้คือตะลุยย่าน Marais กัน ออกแบบเส้นทางโดยคุณมะปรางผู้เชี่ยวชาญ เริ่มที่สถานี St. Paul เดินไปถึง Hotel de Sully ตึกสมัยยุคเรเนซอง แล้วต่อด้วย Place des Vosges เป็นบ้านที่ปลูกเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสให้สมมาตรกันเด๊ะ หันหน้าเข้าหาสวนใหญ่ตรงกลาง เคยเป็นที่อยู่ของคนดังทั้งหลายแหล่ ที่มีชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็น Victor Hugo นักประพันธ์ชื่อดังของเมืองปารีส ผู้แต่ง Les Miserables และ Notre-Dame de Paris หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษคือ The Hunchback of Notre-Dame
232
ถ่ายจากหน้า Maison de Victor (บ้านของวิกเตอร์นั่นเอง)
233
วันนี้ปิดพอดีเลยถ่ายมาได้แค่ประตู T_T
ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มสาวผิวดำเดินมาพอดี พูดๆๆๆแล้วก็อัดวีดีโอกันอยู่ตั้งนาน (เขยิบซะทีเด่ คนอื่นจะถ่ายมั่ง) พอสองคนนั่นตั้งท่าจะไปกลับกลายเป็นว่ามาขอให้เราช่วยถือกล้องวีดีโอให้หน่อย แล้วสองคนนั่งก็ไปยืนพร่ำอยู่หน้าป้ายเนี่ย พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังมาจุ๊บกันให้เราถ่ายอีก สวีทกันจริงจริ๊ง ท่าจะเป็นพวกคู่ฮันนีมูน
เดินต่อผ่านไปอีกหลายจุด //// ตามที่มะปรางบอกมา ไปถึงก็ยืนงงๆกันว่าให้มาดูอะไร ใกล้ๆมี //musee chanavalet// แต่วันนี้ปิด (ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปหรอก) เดินกางร่มเที่ยวนี่ไม่สนุกเลย ทั้งต้องถือร่ม เปิดแผนที่ ถ่ายรูปอีก เห็น //musee picasso// อยู่ใกล้ๆ ราคาไม่แพง เลยแวะเข้าไปหน่อยละกัน
เราก็ไม่ได้เป็นพวกนิยมศิลปะเท่าไหร่ ไม่ค่อยจะรู้จักอะไรกะเค้าเลย มาทริปนี้นี่เปิดหูเปิดตามาก
246
self portrait - picasso
รูปอื่นๆก็จะประมาณนี้
250
257
261
264
นอกจากรูปวาดก็ยังไม่ผลงานอีกหลายๆอย่าง เก้าอี้??
พวกงานโลหะทั้งหลาย ถ้วยชาม หม้อไหดินเผาก็มี
269
ถ่ายลายเซ็นมาให้ดูชัดๆ
แพะ!!
ขาออกมาเจอกลุ่มนักเรียนประถมเหมือนจะมาทัศนศึกษากัน เดินกันยั้วเยี้ย เป็นนักเรียนในปารีสนี่ดีเนอะ มีที่ให้ไปเยอะแยะ
แล้วก็ออกมากางร่มต่อ เจอตึกที่ขัดกับบรรยากาศรอบข้างม๊ากมาก อย่าง //pompidou// โครงเหล็กและท่อหลากสีเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ จะหาที่ไหนได้นอกจากที่นี่
ถ่ายรูปไปทีนึง เหลือบไปเห็นหัวมุมฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหาร fast food ราคาไม่แพงแฮะ แวะลงไปกินกันหน่อย ร้านอยู่ใต้ดิน มีหลายๆซุ้ม อาหารก็จะติดราคาไว้แล้ว อยากกินไรก็หยิบๆตักๆ แล้วไปคิดเงินรอบเดียวตรงทางออก
สเต็กเนื้อ // ยูโร เครื่องเคียงไม่อั้น คุ้มสุดๆ
กินเสร็จก็เข้ามาข้างในตึก
292
295
298
296
309
313
319
325
331
338
345
349
351
354
355
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น
<< Home