= TaLonGirls = by KeawZaaa & ^^Dear^^

วันเสาร์, ตุลาคม 22, 2548

จิ่วไจ้โกว : สุดยอดความงามแดนมังกร (manager)


สุดยอดแห่งความงามในแดนมังกร

อุทยานจิ่วไจ้โกว หรือที่ชาวตะวันตกเรียกขานกันในนาม‘ดินแดนแห่งเทพนิยาย’ ตั้งอยู่ในอำเภอหนันผิงเขตปกครองตนเองของเผ่าเชียงชนชาติทิเบตทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวนหรือเสฉวน ภาคตะวันตกของจีน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 720 ตารางกิโลเมตร ท่ามกลางหุบเขาที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปมา โตรกธารลดเลี้ยวผ่านผาสูงและน้ำตกขนาดใหญ่ ก่อเกิดเป็นทิวทัศน์อันตระการตาโดดเด่นด้วยสีสันของภาพภูมิทัศน์โดยรอบ

‘จิ่วไจ้โกว’ ในภาษาจีนหมายถึง แควเก้าหมู่บ้าน (คำว่า จิ่ว = เก้า, ไจ้ = หมู่บ้าน, โกว = แควหรือธารน้ำ) โดยมีที่มาจากชนชาติทิเบต 9 หมู่บ้านที่อาศัยอยู่ริมธารน้ำบริเวณนี้มาแต่เดิม จิ่วไจ้โกวได้รับการเรียกขานจากชนเผ่าทิเบตว่าเป็น ‘ขุนเขาธารน้ำอันศักดิ์สิทธิ์’ ดังนั้นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำน้ำ หรือหินทุกก้อนล้วนได้รับการเคารพจากชนเผ่าพื้นเมืองทิเบต ปัจจุบันผืนป่าโบราณอันอุดมแห่งนี้จึงยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี


ความโดดเด่นทางนิเวศวิทยา

จิ่วไจ้โกวเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าทางตอนใต้ของเทือกเขาหมินซาน และเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำเจียหลิงที่เป็นสาขาหนึ่งของลำน้ำฉางเจียง(แยงซีเกียง) ตั้งอยู่ริมชายขอบของที่ราบสูงทิเบตดินแดนแห่งหลังคาโลก เป็นเขตต่อเชื่อมจากที่ราบสูงทิเบตสู่มณฑลซื่อชวน สภาพทางนิเวศวิทยาของบริเวณนี้เป็นร่องรอยที่เกิดจากแรงอัดและการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกหนุนขึ้นมาจนอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดร่องหินคดเคี้ยวเป็นทางยาว มีทั้งยอดเขาหิมะสูงเสียดฟ้า และหุบเขาลึก เฉพาะเขตที่มีการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมก็มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 – 3,100 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 7 – 8 องศาเซลเซียส ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมากมายนี้ ได้ทำให้สภาพภูมิอากาศและพืชพรรณสัตว์ป่าก็มีความหลากหลายและซับซ้อนยิ่งขึ้น

‘น้ำ’ถือเป็นจุดดึงดูดที่สุดในบรรดาสุดยอดความงามของทิวทัศน์จิ่วไจ้โกว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสัน ความหลากหลาย อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเลื่องลือระดับชาติของจีน

ความงามประหลาดของน้ำในจิ่วไจ้โกวนั้น มีสาเหตุจากการที่แหล่งน้ำในบริเวณนี้มีการสะสมของธาตุแคลเซี่ยมเจือปนอยู่ในปริมาณสูง อีกทั้งโดยมากเกิดกับพืชซึ่งจมอยู่ใต้ท้องน้ำ ทำให้ทะเลสาบและธารน้ำของที่นี่มีสีสันสดใสงดงามแปลกตา ธารน้ำในจิ่งไจ้โกวประกอบด้วยธารน้ำหลัก 2 สายไหลมาบรรจบกันเป็นรูปตัววาย (Y) มีความยาว 50 กว่ากิโลเมตร ตลอดแนวธารน้ำปรากฏบึงน้ำ ทะเลสาบ น้ำตกและโตรกธารมากมาย สายน้ำสีเขียวใสเลี้ยวลดอยู่ระหว่างแมกไม้ราวกับสายสร้อยมรกตที่ประดับอยู่บนอาภรณ์แห่งป่าเขาลำเนาไพร ทะเลสาบเลื่อมสลับลายและน้ำตกที่สูงสง่าอลังการ ทำให้ผู้คนที่มาเยือนไม่อาจละสายตาได้

สำหรับป่าไม้โบราณที่ครอบคลุมอาณาบริเวณในจิ่วไจ้โกวกว่าครึ่ง แน่นครึ้มไปด้วยพืชพรรณแมกไม้หลายหลาก ทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่าและนกนานาชนิด และเนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นชนิดหรือพันธุ์พืชก็แตกต่างไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ และอากาศ นับตั้งแต่พันธุ์ไม้โบราณ พันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ที่ขึ้นในป่าดิบชื้น พันธุ์ไม้ที่ผ่านการปรับตัวทางพันธุกรรม และเฟิร์นชนิดต่าง ๆที่มีคุณค่ามากมาย ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าธรรมชาติกว่า 3 พันตารางกิโลเมตร สัตว์และพันธุ์พืชกว่า 2,000 ชนิด สัตว์อนุรักษ์อีก 17 ชนิด รวมทั้งสัตว์สงวนอย่าง แพนด้า กระทิง ค่างขนทอง ละมั่งลายจุด กวางปากขาว แพนด้าจิ๋ว ลิงกัง ไก่ฟ้า ห่านฟ้า เป็นต้น

ปัจจุบัน เส้นทางอุทยานที่เปิดให้สาธารณชนได้เข้าชมมีความยาว 49 กิโลเมตร จากพื้นที่ 3 ใน 9 แคว โดยรัฐบาลจีนได้จัดทำบันไดไม้ปูลาดเป็นทางยาวเลียบไปกับเส้นทางน้ำ ผ่านโตรกธาร บึงน้ำ สระมรกต และน้ำตก เพื่อให้ได้ชื่นชมกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดรถปลอดมลพิษไว้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่เมื่อยล้าหรือต้องการเดินทางไปชมในเขตที่ห่างไกลออกไป


ความงามแห่งสีสัน

จิ่วไจ้โกวมีชื่อเสียงด้านความงามแห่งสีสันที่แปลกเปลี่ยนไม่รู้จบ ทะเลสาบผุดขึ้นท่ามกลางหมู่แมกไม้เขียวขจี น้ำใสเป็นประกายชุ่มฉ่ำ ยอดเขาประกายหิมะ ตัดกับท้องฟ้าใสสีครามสลับปุยเมฆขาวเบาบาง เงาไม้หลากสีสันต้องแสงแดดสะท้อนลงบนผิวน้ำใสราวกระจกของทะเลสาบ เกิดเป็นภาพธรรมชาติอันงดงามที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลผลิ ร้อน ร่วง หนาว ไม่ว่ายามสงัดฟ้าใส หรือฝนตกฟ้าคะนอง ยามเช้าหรือยามเย็น หิมะโปรยหรือยามฝนพรำ สีของน้ำในทะเลสาบก็จะแปรเปลี่ยนไป บ้างเขียวครึ้ม ผสมน้ำเงินเข้ม บ้างฟ้าเขียวสดใส อีกทั้งสาหร่ายและพืชพรรณใต้น้ำที่สะท้อนเงาแดดต่างประชันขันแข่งกันให้สีเขียวมรกต เหลืองบุษราคัม ชมพูจนถึงแดงอ่อน ราวกับเพชรพลอยที่ส่องแสงสะท้อนบาดตา


ยามฤดูใบไม้ผลิ แมกไม้ผลิดอกใบ ทั้งสีแดง เหลือง ม่วง ขาว ของดอกกุหลาบพันปี ต้นท้อและแพร์ป่า สีขาวของลูกแพร์ สลับกับใบอ่อนสีเขียว ที่กำลังผลิดอกออกใบสะพรั่งในฤดูกาลนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ป่าทั้งผืนจะกลายเป็นสีเขียวไล่ระดับตั้งแต่เขียวอ่อน เขียวสดใส เขียวเจิดจ้า เขียวเข้ม สะท้อนถึงความเข้มข้นของชีวิตอันอุดมในผืนป่าแห่งนี้ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบทะเลสาบจะทยอยผลัดใบเปลี่ยนสีร่วงลงสู่ทะเลสาบ สร้างสีสันให้กับโลกใต้น้ำ ยิ่งกว่าภาพวาดที่จิตรกรจะสรรค์สร้างแต่งเติม ป่าผลัดใบเป็นสีสันฉูดฉาด บ้างเป็นสีส้มเข้ม เหลืองอ่อน แดงชาด แดงเข้ม จนถึงแดงคล้ำ ใบไม้ที่ร่วงหล่น ทำให้เส้นทางสู่ขุนเขาทอดตัวกลายเป็นสีแดงฉาน ราวกับภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ทุกหนแห่งถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวสะอาดตา น้ำตกที่แข็งตัว เป็นเส้นสาย หยดย้อยลงมาราวกับม่านสีเงิน ส่องประกายวิบวับในแสงแดดอ่อน ผืนป่าถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวบางเบา ดูราวกับภาพในฝัน สายธารน้ำสีเงินผนึกตัวเป็นแผ่นน้ำแข็ง ราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี ที่ประดับตกแต่งด้วยเพชรพลอยสีสดใสอยู่ภายใน

จิ่วไจ้โกวเป็นผลงาน สร้างสรรค์ด้วยมือมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ขุนเขาเขียวขจี สายน้ำใสสะอาดไหลริน ขุนเขาโอบล้อมสายน้ำ สายน้ำพันรัดขุนเขา ขุนเขาสายน้ำสอดประสาน แมกไม้สายธารแนบชิด นับเป็นทิวทัศน์อันสดชื่นกระจ่างตา ภายใต้การจัดวางของธรรมชาติ ทุกสิ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นความงามที่มนุษยชาติสุดจะได้พานพบในโลกนี้

=================================================
ข้อมูล

อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว มรดกโลกทางธรรมชาติ ปีค.ศ. 1992
ที่ตั้ง- ทางตอนเหนือของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)ภาคตะวันตกของจีน
อาณาเขต - พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 643 ตารางกิโลเมตร ระดับน้ำทะเล 2,000 – 4,760 เมตร
เขตเปิดให้สาธารณชนท่องเที่ยว 55 ตารางกิโลเมตร ระดับน้ำทะเล 2,000 – 3,100 เมตร
สัตว์ป่าอนุรักษ์ 2,576 ชนิด

ข้อมูลท่องเที่ยว

การเดินทาง : เดินทางโดยเครื่องบินลงที่สนามบินนานาชาติเฉิงตู แล้วต่อรถโดยสารทางไกลไปจิ่วไจ้โกว ใช้เวลา 1 วัน มีรถบัสออกจากเฉิงตู(??)สามารถขึ้นรถได้ 2 แห่ง

1) ที่สถานีขนส่งเฉิงตูประตูทิศใต้(สายใหม่) ทุกวันเวลาเช้า 8 : 00 น. ถึงจิ่วไจ้โกวราว 5 โมงเย็น ราคาตั๋ว 95 หยวน

2) ที่สถานีรถประตูทิศตะวันตก ที่ถนนหยิงเหมินโข่วมีรถโดยสารระยะทางไกลเดินทางไปจิ่วไจ้โกว ตลอดฤดูกาล รถออกเวลา 7 : 30 น.เช้า (มีบริการรถนอน ออกเย็นถึงจิ่วไจ้โกวเช้า) ราคาตั๋ว 87 หยวน ทั้งนี้เส้นทางรถอาจทำให้นักท่องเที่ยวเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก และอาจไม่สะดวกสำหรับท่านที่เมารถง่าย เพราะใช้เวลาเดินทางมากกว่า 10 ชม. และเป็นทางขึ้นเขา โดยเฉพาะในฤดูฝนเส้นทางอันตราย (ราคาตั๋วอาจรวมค่าประกันชีวิต) หากท่านเดินทางออกจากเมืองเล่อซันสามารถนั่งรถบัสไปจิ่วไจ้โกวได้ ทุกวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ รถออกเวลา 8 : 30 น.

เส้นทางแนะนำ : ขณะนี้มีการเปิดเส้นทางบินจากเฉิงตูไปจิ่วไจ้โกว ทุกวัน เที่ยวเช้าหรือบ่าย(ตารางเวลาไม่แน่นอน) เป็นเส้นทางที่สะดวกและรวดเร็ว สามารถสอบถามและจองตั๋วได้ตามออฟฟิศจำหน่ายตั๋วที่สนามบินเฉิงตู จากเฉิงตูไปยังสนามบินจิ่วไจ้โกวหวงหลงใช้เวลาบินเพียง 40 นาที สนามบินนี้อยู่ห่างจากอุทยานฯจิ่วไจ้โกวเพียง 88 กิโลเมตร อนึ่ง เนื่องจากสนามบินจิ่วไจ้โกวมีความสูง 3,400 เมตร หากเกิดอาการแพ้ที่สูง (จะมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ใจเต้นถี่ ปวดศรีษะ เหนื่อยง่าย) ให้พยายามนั่งนิ่ง ๆ หรือเคลื่อนไหวช้า ๆ อย่ายกของหนัก และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สนามบินอย่างเคร่งครัด

การเดินทางภายในอุทยานฯ : ห้ามนำรถยนต์ทุกชนิดเข้าในเขตอุทยานฯ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวใช้รถเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ทางอุทยานฯจัดให้บริการเท่านั้น ราคาตั๋ว(ราคาเมื่อ มีนาคม 2004) : พฤษภาคม-มิถุนายน 78 หยวน/คน ; กรกฎาคม-ตุลาคม 88 หยวน/คน ; พฤศจิกายน-เมษายน 68 หยวน/คน ให้บริการเที่ยวชมใน 3 เขต ได้แก่
1) ปากทางอุทยานฯจิ่วไจ้โกว-นั่วยื่อหลัง 14.5 กิโลเมตร
2) เส้นทางจากนั่วยื่อหลัง-ฉางไห่ ระยะทาง 18 กิโลเมตร
3) เส้นทางจากนั่วยื่อหลัง- ป่าดึกดำบรรพ์ ระยะทาง 18 กิโลเมตร
ทั้งสามเส้นทางสามารถขึ้น-ลงรถได้ที่ป้ายรถ 22 จุด

ราคาบัตรผ่านประตู : ฤดูท่องเที่ยว 1 เมษายน – 15 พฤศจิกายน ราคา 220 หยวน ส่วนระหว่าง 16 พฤศจิกายน – ปลายเดือนมีนาคม ราคา 80 หยวน ( ราคาปรับใหม่เมื่อ 1 กรกฎาคม 2548 )
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปเที่ยวในอุทยานฯจิ่วไจ้โกว มากกว่าหนึ่งครั้งขึ้นไปต้องทำเรื่องล่วงหน้า ณ จุดจำหน่ายตั๋ว

ที่พักบนจิ่วไจ้โกว : มีโรงแรมที่พักทุกระดับ และที่พักราคาถูกของผู้ประกอบการชาวทิเบต(??)ในพื้นที่ ราคาเฉลี่ย 40-50 หยวน/คน/คืน

จุดท่องเที่ยวในจิ่วไจ้โกว : แบ่งเป็น 5 เขตใหญ่ คือ
1) เขตทิวทัศน์หน้าผาเป่าจิ้งหยา เป็นจุดท่องเที่ยวทางตอนล่างของธารน้ำซู่เจิ้งโกว แหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้แก่ –วัด(ทิเบต)จาหยูซื่อ- น้ำตกเผินจิ่งทัน– ทะเลสาบหลูเหวยไห่

2) เขตทิวทัศน์ซู่เจิ้ง บริเวณตอนบนของธารน้ำซู่เจิ้งโกว ได้แก่ ทะเลสาบดอกไม้เพลิง (หั่วฮัวไห่ ) – ทะเลสาบมังกรหลับใหล (ว่อหลงไห่ – ทะเลสาบซู่เจิ้งฉวิน– น้ำตกซู่เจิ้ง – ทะเลสาบเสือ(เหลาหูไห่ ???) – ทะเลสาบแรด (ซีหนิวไห่)

3) เขตทิวทัศน์ยื่อเจ๋อ กินเนื้อที่ของทิวทัศน์ตอนล่างของธารน้ำยื่อเจ๋อโกว ได้แก่ น้ำตกนั่วยื่อหลัง ทะเลสาบยื่อเจ๋อฉวิน ทะเลสาบกระจก(จิ้งไห่ ) น้ำตกไข่มุก(เจินจูทัน) ทะเลสาบดอกไม้ทั้งห้า(อู่ฮัวไห่) น้ำตกและทะเลสาบแพนด้า(สงเมาไห่) เขตนี้เป็นทิวทัศน์ที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานฯจิ่วไจ้โกว

4) เขตทิวทัศน์ทางนิเวศวิทยาป่าดึกดำบรรพ์ บริเวณตอนบนของธารน้ำยื่อเจ๋อโกว ได้แก่ ทิวทัศน์ทะเลสาบห่านฟ้า(เทียนเอ๋อไห่) ทะเลสาบหญ้า(เฉาไห่) และป่าดึกดำบรรพ์

5) เขตทิวทัศน์ทะเลสาบฉางไห่ บริเวณตอนล่างของธารน้ำเจ๋อฉาวาโกวได้แก่ บริเวณที่เป็นทะเลสาบฉางไห่ สระห้าสี(อู่เส้อฉือ) ทะเลสาบฤดูกาล(จี้เจี๋ยไห่) ทั้งสามตอน

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : อุทยานแห่งชาติหวงหลง (มรดกโลกทางธรรมชาติ)ห่างจากจิ่วไจ้โกวกว่า 300 กิโลเมตร ราคาตั๋ว 110-70 หยวน(ตามฤดูกาลท่องเที่ยว) ใช้เวลาท่องเที่ยววันเดียว(4-5ชม.) เปิดตั้งแต่ 9 :10 – 16 :40 น. (ส่วนใหญ่การเดินทางไปอุทยานฯหวงหลงจะรวมอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวจิ่วไจ้โกวแล้ว ท่านสามารถระบุจุดหมายท่องเที่ยวก่อนเดินทาง)

วัดหวงหลง ห่างจากจิ่วไจ้โกว 128 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถบัสจากจิ่วไจ้โกวลงใต้ไปเมืองซงพัน ราว 92 กิโลเมตร ถึงวัดชวนจู่ซื่อแล้วต่อรถไปทางตะวันออก อีก 41 กิโลเมตร จึงถึงวัดหวงหลง

ข้อควรระวัง : สภาพอากาศในอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวหนาวมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าอุณหภูมิในตัวเมืองเฉิงตูราว 10 องศาเซลเซียส เดินทางในฤดูร้อนก็ควรเตรียมเสื้อคลุมกันหนาวไปด้วย (อุณหภูมิสูงสุดในเดือนกรกฎาคมราว 22.2 องศาเซลเซียส ต่ำสุดในเดือนมกราคมราว 1.7 องศาเซลเซียส)
หลังเดือนตุลาคมไปแล้ว จิ่วไจ้โกวจะเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ร้านขายอาหารหลายแห่งปิดให้บริการ ควรเจรจากับทางสถานที่พักให้เตรียมจัดหาอาหารไว้ล่วงหน้า (ฤดูท่องเที่ยวอุทยานฯจิ่วไจ้โกวและหวงหลง อยู่ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม, กันยายน-ตุลาคม- 15 พฤศจิกายน)

ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่