โตเกียว 5: พิพิธภัณฑ์Jiburi ย้อมผ้าบาติก
24 มีนาคม 2546
วันนี้ภาคเช้าเรียนปกติ ตอนบ่ายไป Jiburibijutsukan เป็นพิพิธภัณฑ์การ์ตูนของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่นที่วาด My Neighbor Totoro, Spirited Away (หนังการ์ตูนต่างชาติเรื่องแรกที่ได้รางวัลออสก้าร์) เราก็เคยดูหนังของคนนี้หลายเรื่องนะ เพราะที่เมืองจีนมีขาย แล้วคนญี่ปุ่นที่โน่นก็ชื่นชอบกันเหลือเกิน แต่ที่เมืองไทยนี่คนรู้จักกันน้อยมาก อ้อ..ที่เมืองไทยเรื่องที่ดังคือเรื่องสุสานหิ่งห้อย เคยออกเป็นหยังสือการ์ตูน 4สีที่แถมมากับนิตยสารอะไรซักอย่าง มีซักไม่เกิน 10 เล่ม ที่บ้านเรามีแค่ 2-3เล่มเอง หาครบชุดยากมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่น้อง 2 คน สมัยตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 เศร้ามากๆ ช่วงหลังนี่มีดีวีดีออกมาขายคนก็นิยมซื้อเก็บกันนะ เพราะเป็นหนึ่งในการ์ตูนเรื่องที่ดูแล้วต้องเสียน้ำตา ที่พิพิธภัณฑ์เค้าก็จัดน่ารักมาก เป็นตึก 3 ชั้น แล้วก็มีใต้ดินชั้นนึง ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ข้างในก็ตกแต่งน่ารัก มีห้องเล็กๆน้อยๆ หน้าต่างนิด ประตูหน่อย มีมุมให้วิ่งเล่นเยอะดี เผอิญได้ไปเข้าห้องน้ำที่โน่นด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชักโครกอิเล็คโทรนิคแบบที่เคยเห็นในรูป เค้าก็มีปุ่มเยอะแยะเลย เราก็กดๆดู มีที่ฉีดน้ำก้น ฉีด...(สำหรับผุ้หญิงทำธุระเบาน่ะ) มีแบบกดแล้วมีแต่เสียงชักโครกด้วยนะ คาดว่าคงเอาไว้ให้เวลาทำอะไรมีเสียงไม่พึงประสงค์จะได้ไม่ต้องกดชักโครกจริงเพื่อกลบเสียง เป็นการประหยัดน้ำไปในตัว มีให้ปรับอุณหภูมิที่นั่งกะอุณหภูมิน้ำที่ฉีดด้วยนะ กดอยุ่ตั้งนาน แต่หาปุ่มชักโครกไม่เจอ เอาล่ะสิทำไง คลำอยู่นานมาก สุดท้ายอยู่ที่ผนังนี่เอง ออกไปเราก็เดินดูทีละห้อง เค้าก็มีแสดงให้ดูว่าทำให้ภาพนิ่งดูเหมือนเคลื่อนไหวจริงๆ แล้วก็มีโรงหนังเล็กๆให้ดูด้วย เป็นภาคย่อยๆของ Totoro เป็นNekobusu(รถเมล์แมว) ฉบับตัวเล็ก ข้างบนมีเป็นภาพสเก็ต สมุดภาพ โต๊ะทำงานของคุณนักเขียน บนสุดมีร้านขายของที่ระลึก กับตุ๊กตา Nekobusu ตัวใหญ่ ให้เด็กๆเข้าไปนั่งเล่นกัน อยากถ่ายรูปมากแต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์
ตอนนี้ดอกซากุระเริ่มบานแล้วแหละ แต่เพิ่งมีนิดเดียวเอง หวังว่าจะได้เห็นซากุระบานเต็มๆก่อนกลับนะเนี่ย ขากลับพวกเราไป Akihabara กัน เป็นโซนขายเครื่องไฟฟ้า การ์ตูน เกมส์ แต่กว่าเราจะไปถึงเค้าก็ใกล้ปิดกันแล้ว อยากได้กล้องดิจิตอลเล็กๆซักอัน อันเก่าเราก็ขายไปแล้ว อันที่แบกมานี่ของเฮียโป้ง ตัวใหญ๊ใหญ่ แต่ไม่ได้ดูมาก่อนเลยว่าจะเอารุ่นไหน เลยยังตัดสินใจไม่ได้ ไว้วันหลังค่อยมาดูใหม่
พอร้านเครื่องไฟฟ้าปิด เราก็เดินๆดูแถวนั้นต่อ เดินไปเดินมาหลุดไปตรงโซนที่มีแต่วีดีโอ, การ์ตูนโป๊เต็มเลย เจอลุงหน้าตาหื่นๆ(เหมือนในการ์ตูน) กำลังเลือกซื้อกันอยู่ พูดถึงที่เหมือนในการ์ตูนแล้วก็นึกถึงอีกเรื่อง คือพวกการ์ตูนชอบวาดคนแก่เหลือตัวนิดเดียว มาที่ญี่ปุ่นเจอพวกคนแก่ เค้าก็ตัวนิดเดียวจริงๆนะ ถึงจะไม่ได้เล็กเท่าหัวเข่าแบบในการ์ตูนก็เหอะ คนรุ่นเก่าเค้าคงตัวเล็ก แล้วพอยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งหดลงไปอีก บางคนก็หลังค่อยๆ เห็นแล้วเลยเหลือตัวนิดเดียว รถที่นี่ก็คันเล็กๆแบบประมาณตุ๊กๆบ้านเรา วิ่งตามตรอกซอยได้สบายๆ มีทั้งแบบเก๋ง รถตู้ รถกระบะ เห็นแล้วก็เล็กๆน่ารักดี คงเพราะที่นี่ที่แพงด้วยแหละ รถคงซื้อได้ไม่ยากนัก แต่ที่จอดรถเนี่ยสิแพงมาก แล้วรถไฟฟ้าที่นี่ก็สะดวกดีนะ ไปได้ทุกที่ เห็นแผนที่รถไฟของโตเกียวแล้วตกใจ ต้องไปต่อกันวุ่นวาน สถานีเล็กๆก็ไม่มีภาษาอังกฤษด้วย ดีที่เราพอจำตัวจีนได้เลยพอไปไหนมาไหนคนเดียวได้ แล้วไอ้ที่ๆจะไปส่วนใหญ่ก็อยู่บนสายวงกลมหลัก ยามาโนเตะ แค่นั่งให้ถูกทิศก็พอ ค่ารถไฟที่นี่ก็แพงนะ นั่งวนไปวนมาหมดไปหลายตังเลย แล้วเราก็นั่งเป็นแต่สาย JR ของรัฐบาลซึ่งแพงกว่าของเอกชน (แปลกดี เมืองไทยของรัฐบาลจะถูกกว่า) นั่งแค่ไปรร. 2 ป้ายยัง 240 เยน ไปกลับก็เกือบๆ 500 เยน 200บาทแล้ว แล้วเราก็ไปโน่นไปนี่ทุกวัน ค่ารถแพงกว่าค่ากินแล้วมั้งเนี่ย
25 มีนาคม 2003
เรื่องวันนี้จำไรไม่ได้แล้วแฮะ มีแค่ตอนเช้าเรียน บ่ายไปทำ Aizometaiken (ย้อมผ้าบาติก) ไม่ค่อยมีไรมากนัก เอาผ้าขาวมามัดๆแล้วก็จุ่มลงถังย้อม เราก็จะได้ผ้าออกมาเป็นลายตามที่เรามัดไว้ ไม่ได้มีไรตื่นเต้นมากมาก แต่พนักงานที่ร้านหล่อ+น่ารักมาก (ตื่นเต้นกันใหญ่5555) ฝนก็ตกทั้งบ่ายเลย รู้สึกว่ันนี้จะกลับไปกินข้าวแถวหอ แล้วก็ไปตีกลองที่เกมส์เซนเตอร์ (เมามันมาก)
วันนี้ภาคเช้าเรียนปกติ ตอนบ่ายไป Jiburibijutsukan เป็นพิพิธภัณฑ์การ์ตูนของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่นที่วาด My Neighbor Totoro, Spirited Away (หนังการ์ตูนต่างชาติเรื่องแรกที่ได้รางวัลออสก้าร์) เราก็เคยดูหนังของคนนี้หลายเรื่องนะ เพราะที่เมืองจีนมีขาย แล้วคนญี่ปุ่นที่โน่นก็ชื่นชอบกันเหลือเกิน แต่ที่เมืองไทยนี่คนรู้จักกันน้อยมาก อ้อ..ที่เมืองไทยเรื่องที่ดังคือเรื่องสุสานหิ่งห้อย เคยออกเป็นหยังสือการ์ตูน 4สีที่แถมมากับนิตยสารอะไรซักอย่าง มีซักไม่เกิน 10 เล่ม ที่บ้านเรามีแค่ 2-3เล่มเอง หาครบชุดยากมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่น้อง 2 คน สมัยตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 เศร้ามากๆ ช่วงหลังนี่มีดีวีดีออกมาขายคนก็นิยมซื้อเก็บกันนะ เพราะเป็นหนึ่งในการ์ตูนเรื่องที่ดูแล้วต้องเสียน้ำตา ที่พิพิธภัณฑ์เค้าก็จัดน่ารักมาก เป็นตึก 3 ชั้น แล้วก็มีใต้ดินชั้นนึง ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ข้างในก็ตกแต่งน่ารัก มีห้องเล็กๆน้อยๆ หน้าต่างนิด ประตูหน่อย มีมุมให้วิ่งเล่นเยอะดี เผอิญได้ไปเข้าห้องน้ำที่โน่นด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชักโครกอิเล็คโทรนิคแบบที่เคยเห็นในรูป เค้าก็มีปุ่มเยอะแยะเลย เราก็กดๆดู มีที่ฉีดน้ำก้น ฉีด...(สำหรับผุ้หญิงทำธุระเบาน่ะ) มีแบบกดแล้วมีแต่เสียงชักโครกด้วยนะ คาดว่าคงเอาไว้ให้เวลาทำอะไรมีเสียงไม่พึงประสงค์จะได้ไม่ต้องกดชักโครกจริงเพื่อกลบเสียง เป็นการประหยัดน้ำไปในตัว มีให้ปรับอุณหภูมิที่นั่งกะอุณหภูมิน้ำที่ฉีดด้วยนะ กดอยุ่ตั้งนาน แต่หาปุ่มชักโครกไม่เจอ เอาล่ะสิทำไง คลำอยู่นานมาก สุดท้ายอยู่ที่ผนังนี่เอง ออกไปเราก็เดินดูทีละห้อง เค้าก็มีแสดงให้ดูว่าทำให้ภาพนิ่งดูเหมือนเคลื่อนไหวจริงๆ แล้วก็มีโรงหนังเล็กๆให้ดูด้วย เป็นภาคย่อยๆของ Totoro เป็นNekobusu(รถเมล์แมว) ฉบับตัวเล็ก ข้างบนมีเป็นภาพสเก็ต สมุดภาพ โต๊ะทำงานของคุณนักเขียน บนสุดมีร้านขายของที่ระลึก กับตุ๊กตา Nekobusu ตัวใหญ่ ให้เด็กๆเข้าไปนั่งเล่นกัน อยากถ่ายรูปมากแต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์
ตอนนี้ดอกซากุระเริ่มบานแล้วแหละ แต่เพิ่งมีนิดเดียวเอง หวังว่าจะได้เห็นซากุระบานเต็มๆก่อนกลับนะเนี่ย ขากลับพวกเราไป Akihabara กัน เป็นโซนขายเครื่องไฟฟ้า การ์ตูน เกมส์ แต่กว่าเราจะไปถึงเค้าก็ใกล้ปิดกันแล้ว อยากได้กล้องดิจิตอลเล็กๆซักอัน อันเก่าเราก็ขายไปแล้ว อันที่แบกมานี่ของเฮียโป้ง ตัวใหญ๊ใหญ่ แต่ไม่ได้ดูมาก่อนเลยว่าจะเอารุ่นไหน เลยยังตัดสินใจไม่ได้ ไว้วันหลังค่อยมาดูใหม่
พอร้านเครื่องไฟฟ้าปิด เราก็เดินๆดูแถวนั้นต่อ เดินไปเดินมาหลุดไปตรงโซนที่มีแต่วีดีโอ, การ์ตูนโป๊เต็มเลย เจอลุงหน้าตาหื่นๆ(เหมือนในการ์ตูน) กำลังเลือกซื้อกันอยู่ พูดถึงที่เหมือนในการ์ตูนแล้วก็นึกถึงอีกเรื่อง คือพวกการ์ตูนชอบวาดคนแก่เหลือตัวนิดเดียว มาที่ญี่ปุ่นเจอพวกคนแก่ เค้าก็ตัวนิดเดียวจริงๆนะ ถึงจะไม่ได้เล็กเท่าหัวเข่าแบบในการ์ตูนก็เหอะ คนรุ่นเก่าเค้าคงตัวเล็ก แล้วพอยิ่งแก่ตัวก็ยิ่งหดลงไปอีก บางคนก็หลังค่อยๆ เห็นแล้วเลยเหลือตัวนิดเดียว รถที่นี่ก็คันเล็กๆแบบประมาณตุ๊กๆบ้านเรา วิ่งตามตรอกซอยได้สบายๆ มีทั้งแบบเก๋ง รถตู้ รถกระบะ เห็นแล้วก็เล็กๆน่ารักดี คงเพราะที่นี่ที่แพงด้วยแหละ รถคงซื้อได้ไม่ยากนัก แต่ที่จอดรถเนี่ยสิแพงมาก แล้วรถไฟฟ้าที่นี่ก็สะดวกดีนะ ไปได้ทุกที่ เห็นแผนที่รถไฟของโตเกียวแล้วตกใจ ต้องไปต่อกันวุ่นวาน สถานีเล็กๆก็ไม่มีภาษาอังกฤษด้วย ดีที่เราพอจำตัวจีนได้เลยพอไปไหนมาไหนคนเดียวได้ แล้วไอ้ที่ๆจะไปส่วนใหญ่ก็อยู่บนสายวงกลมหลัก ยามาโนเตะ แค่นั่งให้ถูกทิศก็พอ ค่ารถไฟที่นี่ก็แพงนะ นั่งวนไปวนมาหมดไปหลายตังเลย แล้วเราก็นั่งเป็นแต่สาย JR ของรัฐบาลซึ่งแพงกว่าของเอกชน (แปลกดี เมืองไทยของรัฐบาลจะถูกกว่า) นั่งแค่ไปรร. 2 ป้ายยัง 240 เยน ไปกลับก็เกือบๆ 500 เยน 200บาทแล้ว แล้วเราก็ไปโน่นไปนี่ทุกวัน ค่ารถแพงกว่าค่ากินแล้วมั้งเนี่ย
25 มีนาคม 2003
เรื่องวันนี้จำไรไม่ได้แล้วแฮะ มีแค่ตอนเช้าเรียน บ่ายไปทำ Aizometaiken (ย้อมผ้าบาติก) ไม่ค่อยมีไรมากนัก เอาผ้าขาวมามัดๆแล้วก็จุ่มลงถังย้อม เราก็จะได้ผ้าออกมาเป็นลายตามที่เรามัดไว้ ไม่ได้มีไรตื่นเต้นมากมาก แต่พนักงานที่ร้านหล่อ+น่ารักมาก (ตื่นเต้นกันใหญ่5555) ฝนก็ตกทั้งบ่ายเลย รู้สึกว่ันนี้จะกลับไปกินข้าวแถวหอ แล้วก็ไปตีกลองที่เกมส์เซนเตอร์ (เมามันมาก)
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น
<< Home