= TaLonGirls = by KeawZaaa & ^^Dear^^

วันเสาร์, กรกฎาคม 23, 2548

ฮ่องกงวันที่ 2 : Causeway bay - Standley market

23/7/05

วันนี้นัดกันตั้งแต่ 10 โมงเช้า ..พลพรรค claris มาพร้อมหน้ากันด้วยโทนสีส้มโดยไม่ได้นัดหมายอีกแล้ว..อิอิ

~~~รวมตัวกันด้วยเสื้อสีส้มค่ะ ~~~

พอรวมตัวกันครบทีม ก็มุ่งหน้าไปขึ้น MRT แล้วไปลงสถานี causeway bay เพื่อไปกินติ่มซำที่ Maxim restaurant (ที่เค้าว่ากันว่าอร่อย) มื้อนี้เป็นมื้อแรก (แล้วรู้สึกว่าจะเป็นมื้อเดียว) ที่กินข้าวกันพร้อมหน้าบนโต๊ะอาหารโต๊ะเดียวกัน ..กินเยอะเหมือนกันนะ ..สั่งยากอีกเช่นเคย แบบว่าสั่งจิ๊กโฉว่ พี่แกเอาทิชชู่มาให้ จะสั่งซาลาเปาไส้ครีมมากินก็ไปชี้เอารูปซาลาเปาที่ไส้ข้างในสีเหลืองด้วยความมั่นใจ แต่ผลออกมาเป็นซาลาเปาไส้ไข่เค็ม (สุดท้ายก็ไม่ได้กิน) ..แต่ถึงจะสั่งยากสั่งเย็นยังไงก็แล้วแต่ ก็กินเยอะมาก อิ่มอ่ะ อิ่มพอควรเลย ...เสร็จแลวก็เดินแยกย้ายอีกเช่นเคย...

~~~ระหว่างทางไป Causeway bay ~~~

โปรแกรมวันนี้มาชอปปิ้งกันก่อน แล้วเดี๋ยวซักประมาณบ่ายสามค่อยออกเดินทางไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกัน ..เราก็ชอปปิ้งกันย่านนั้นแหละ เรียกว่า Causeway bay คนไทยเยอะมาก ตอนแรกก็เดินๆด้วยกัน แต่พอต่างคนต่างเดินดูก็เลยแยกตัวดีกว่า แบบว่าดูของคนgvละแบบ เดินด้วยกันเดี๋ยวจะเป็นการเสียเวลา..เราเข้าร้าน brand แล้วไม่ค่อยได้ของแฮะ ต้องเข้าร้านโง่ๆ ถึงจะเจอเสื้อถูกใจ ..แยกย้ายกันเดินซักประมาณชั่วโมงกว่าๆมั้ง แล้วก็นัดเวลาเจอกันไปเดินต่อ

วันนี้เส้าเหม่ยฉีมาเปิดตัวยาลดความอ้วนอะไรซักอย่างหน้าร้าน G2000 ..สวยจัง อุตส่าห์เบียดเข้าไปจะถ่ายรูป..เจอดาราคนโปรดตั้งกะเมื่อหลายปีก่อนทั้งที พอไปถึงหน้าสุด เค้าก็ได้เวลากลับพอดี ...เศร้าเลย ..เสียใจๆๆๆๆ


~~~ย่าน Shopping ของเราวันนี้~~~

พอมาเจอกัน ก็กินอีกซักรอบ ..คราวนี้ไปกินชูครีมที่ขึ้นชื่อลือชาว่าอร่อย ร้าน Bread puppa (สะกดไม่รู้แฮะ) อยู่ชั้นใต้ดินของห้างโซโก้ มันก็อร่อยดีนะ แป้งข้างนอกกรอบ ครีมข้างในนุ่มๆ ไม่หวานมาก แต่แบบว่ามันก็เป็นเอแคลร์อันยักษ์อ่ะนะ กินอันแรกก็อร่อยมาก แต่พอกินอันที่ 2 แล้ว marginal satisfaction ลดลง ไม่สามารถกินต่อได้


~~~ชูครีมอันเลื่องชื่อ~~~

เสร็จแล้วก็ไปเดินต่อที่ IKEA อาจจะประมาณ Homepro บ้านเรา แต่เดิ้นกว่าเยอะ ของแต่งบ้านเพียบบบเลย น่ารักด้วย เห็นแล้วอยากซื้อมากๆ แต่นึกถึงบ้านตัวเองที่เต็มไปด้วยของสมบัติบ้าแล้วก็ไม่เอาดีกว่า ไม่มีปัญญาแบกกลับด้วย ..แต่อันนี้นะ ถ้ากำลังแต่งบ้านอยู่จะเป็นที่ที่น่ามาเดินมากๆ ราคาไม่แพงมาก (คุณภาพอาจจะไม่มีเดิ้น แต่ก็พอรับได้) ของให้เลือกเยอะด้วยนะ ...ทำไมไม่มีในเมืองไทยมั่งว้าาาา

เสร็จแล้วก็หมดเวลาเดินชอปปิ้ง ไม่งั้นจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมไม่ทัน ..เราก็นั่ง MRT กลับมาที่โรงแรม เก็บของ ล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย แล้วก็เดินไปขึ้นรถเมล์แถวๆนั้น ..นั่งรถเมล์สาย 973 ไปถึงที่หมายเลย ..แต่นั่งโคตรรรรรนาน เพราะประมาณว่านั่งข้ามเกาะ

ประมาณซักบ่ายสามโมงครึ่งก็ได้ขึ้นรถ ตอนขึ้นรถไปก็บอกคนขับว่าจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ repulse bay ให้บอกด้วยว่าลงป้ายไหน พี่คนขับก็บอกให้นั่งใกล้ๆจะได้เรียกได้ แต่พวกเรางอแง อยากไปนั่งข้างบน พี่คนขับก็ใจดี บอกว่าถ้างั้นเห็นหาดแล้วค่อยลงมาก็ได้

~~~รถเมล์ข้างบน~~~

~~~แล้วก็ย้ายมาดูรถเมล์ข้างล่าง~~~

นั่งรถนานมากๆๆ แต่ไม่ยักกะหลับ (ไม่รู้นั่งทำอะไรเหมือนกัน) ...เพิ่งรู้สึกว่าฮ่องกงเป็นเกาะ แล้วบ้านเมืองเหมือนบ้านเมืองที่สร้างบนเขา คือเป็นทางลาดตลอด ถนนแคบพอสมควร แล้วก็ทึ่งคนขับรถเมล์ที่นี่ ..ขับรถเก่งมาก เพราะรถคันใหญ่ ผ่านทางแคบๆ แถมชันอีกต่างหาก ..นับถือๆๆ ...

นั่งไปซักพักใหญ่ๆวิวข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากบรรยากาศแบบเมืองๆ บ้านเป็นตึกแถวแคบๆ กลายเป็นมีบ้านเดี่ยวเยอะขึ้น หรือไม่ก็เป็นตึกสูงๆสวยๆที่ดูแล้วไฮโซเล็กน้อย แล้วก็เริ่มเห็นทะเลอยู่ลิบๆ ...แบบว่าเหมือนฉากในหนังฮ่องกงเวลาที่ต้องไปบ้านเศรษฐี (มารู้ทีหลังว่าย่านนี้เป็นย่านไฮโซของฮ่องกง) ...รถขับมาไกลพอควรแหละ แล้วในที่สุดก็ถึงที่หมายซะที ....(น่าจะซักประมาณห้าโมงกว่าๆ)

อ้อ...ลืมบอกไปว่าค่ารถคนละ 13 เหรียญ


พอลงจากรถมาที่ repulse bay มองไปรอบๆไม่มีวี่แววของเจ้าแม่กวนอิมเลย เราก็แอบงงนิดนึง แบบว่ามันน่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไม่ใช่เหรอ แต่นี่ไม่มีป้าย ไม่มีอะไรบอกทั้งสิ้น ก็เลยเดินไปถามตำรวจข้างทาง ...คุณตำรวจก็หยิบปาล์มขึ้นมาดูข้อมูล แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่าจะไปที่ไหน มีหลายที่ ...เราก็บอกไปว่าตรง standley market มั้ง (ตอนก่อนมาถามพี่ ed พี่เค้าบอกว่าอยู่ไม่ไกลกันมาก) คุณตำรวจก็เลยบอกว่าต้องนั่งรถต่อไปอีก เราลงกันเร็วเกินไป แล้วทางก็ไกลเกินกว่าที่จะเดินไปได้ ...แป่ว.......

ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยลงไปเดินเล่นริมหาดซะหน่อย ... หาดที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรานะ แบบว่าทางกว้างไม่กว้างมาก แบบว่าหันซ้าย หันขวาก็เห็นสุดหาดทั้งสองข้างอยู่ไม่ไกล แต่ว่าหาดจะลึกหน่อย แบบว่าจากจุดแรกที่เปลี่ยนจากพื้นหินเป็นพื้นทราย ไปถึงทะเลเนี่ย เดินไกลพอสมควร ..แล้วที่ทำให้หาดดูสวยเนี่ย ก็เพราะว่าไม่มีแผงลอย ไม่มีการตั้งเก้าอี้ริมหาดเลย...คือถ้าจะมานั่งเล่นริมทะเลกัน ก็เอาเสื่อมาปูกันเอง แล้วขยะก็ไม่เยอะ ดูแล้วสบายตากว่าหาดที่เมืองไทยอ่ะ

~~~ระหว่างทางจากถนนลงมาหาด ก็จะมีสวนหย่อมเล็กๆตรงทางเดิน~~~

เสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถเมล์ต่อ (เหนื่อยจัง) คราวนี้ไปลงที่ standley market แต่ว่าก็ยังไม่เห็นวี่แวว จนต้องไปถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความมาว่า ต้องเดินย้อนขึ้นเขาไปอีกซัก 15 นาทีถึงจะมีวัด คราวนี้ต้องรีบหน่อย เพราะว่าวัดปิดตอนทุ่มนึง (ตอนนี้หกโมงแล้ว)...เดินไปเหนื่อยจังอ่ะ หายากมากๆๆ แบบว่าไม่ได้อยู่ติดถนนด้วยอ่ะ ต้องเดินเลี้ยวเข้ารูไปอีก ...สุดทายก็ปรากฏว่าที่ที่ไปเนี่ย ไม่ใช่ที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นวัดบ้านๆแถวนั้น ..จะว่าไปเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เหมือนกันนะ น่าจะพอมีชื่อเสียง(ในแถบนั้น) อยู่บ้าง เราก็เข้าไปไหว้ พักเหนื่อยแปปนึง แล้วค่อยกลับ



~~~ย่านที่พักอาศัยหรูหรา ระหว่างทางเดินไปวัด~~~

~~~ทางเดินชันมากๆๆๆๆ..เหนื่อยจังแฮะ~~~




~~~เจ้าแม่กวนอิมองค์ที่เราไปไหว้กัน~~~

~~~ย่านที่พักหรูหรา ถ่ายออกมาจากวัดเจ้าแม่กวนอิม~~~

คราวนี้ก็เดินย้อนกลับทางเดิมไปที่ stadley market อีก พี่ ed บอกว่าที่นี่ก็เป็นที่ที่โรแมนติกเหมือนกัน ...แต่ก่อสร้างอีกแล้วครับท่าน ...(ทำไมมางวดนี้ไอ้สถานที่โรแมนติกทั้งหลายแหล่ต้องก่อสร้างด้วยฟะ ?? ไม่เข้าใจ) บรรยากาศที่นี่ก็เป็นที่โล่งๆให้เดินเล่น ลมทะเลพัดมาเย็นๆ แล้วฟากนึงจะมีร้านอาหารที่ให้ออกมานั่ง outdoor บรรยากาศดีเหมือนกัน ตอนแรกก็อยากจะกินอาหารแถวนั้น แต่ว่าพอดูเมนูกะราคาแล้วไม่เอากว่า เพราะส่วนมากเป็นอาหารฝรั่งราคาแพง ...เราอยากกินอาหารจีนมากกว่า เลยเดินหาไปเรื่อยๆ แล้วก็เข้าไปในตลาดลึกหน่อย ..สุดท้ายก็เจอร้านอาหารไทย-จีน หน้าตาน่ากิน แล้วก็มาลงเอยกันร้านนี้แหละ ..อร่อยดีเหมือนกัน


~~~ตรงนี้มองไม่เห็นแท่นขุดเจาะน้ำมัน ..สวยมะ???~~~

~~~กำลังเดินไปหาร้านข้าวกินอยู่~~~



~~~ตอนนี้เดินเข้ามาในตลาดละนะ~~~

~~~ร้านนี้แหละที่เรามากินกัน~~~

~~~ว้าววววว....~~~

กินกันเสร็จก็เดินกลับไปป้ายรถเมล์ แล้วทุกคนก็เตรียมตัวจะนอนเต็มที่ เพราะเหนื่อยมากๆ แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่สามารถ เพราะว่ารถขับลงเขา เลยจะเร็วกว่าปกติหน่อย แล้วทางโค้ง เลยเวียนหัวเล็กๆ สุดท้ายเราก็นั่งตาสว่างตลอดทางจนมาถึงเกาลูนอ่ะแหละ ..

งวดนี้เราก็มาเดินกันที่เดิมที่เมื่อวานมากินโจ๊ก แต่ได้ช้อปมากหน่อย เพราะตอนนี้ร้านยังไม่ปิด (เพิ่งสามทุ่ม) แต่เราก็ไม่ได้อะไรมากนะ ถ้าจำไม่ผิด ก็ได้แค่น้ำหอมมาขวดเดียว ... Anna sui ขวดม่วงอันเดิม ...ตอนแรกก็ว่าจะซื้อรุ่นใหม่นะ แต่ดมไปดมมาก็ชอบอันเดิมมากกว่าอยู่ดี แล้วรุ่นนี้ราคาถูกมากๆๆๆ แบบว่า 200 เหรียญ เที่ยบกะอันใหม่ 400 (ท่าทางจะเลิกผลิตในอีกไม่ช้า) แล้วก็ได้แป้งป่าตองที่เค้าร่ำลือกันว่าดี (เราก็ว่าโอเคนะ แป้งละเอียดดี) ส่วนเสื้อผ้านี่ไม่ได้เลยมั้ง ...ยังไงๆก็นิยมเสื้อเมืองไทยมากกว่าแฮะ

สี่ทุ่มครึ่งก็ถึงเวลานัดกะพี่งิ้ม..ก็เลยกลับโรงแรม แล้วก็พบว่าพี่แกก็ยังชอปปิ้งอยู่ซักที่ ไม่สามารถมาหาได้ ..เราก็เลยไปชอปกันเองต่อ ..แต่คราวนี้น่าจะเน้นกินมากกว่าแฮะ ...แบบว่าทุกคนลงความเห็นว่าอยากกินของหวาน แล้วก็เดินหาอยู่นานมาก จนไปเจออยู่ร้านนึงที่เมนูจะมีแต่มะม่วง เข้าไปก็สั่งมาคนละอย่าง แบ่งกันกิน อร่อยดีเหมือนกัน แต่เมนูเค้าก็แปลกๆดีอ่ะ เค้าจะเรียกว่า Mango& coconut milk กินไปมันก็รู้สึกว่าเป็นนมมะพร้าวนะ ไม่รู้จะอธิบายรสชาติยังไง แล้วมันก็เข้ากะมะม่วงดีเหมือนกัน ..กะอีกอย่าง มะม่วงกะเฉาก๊วย ...อันนี้ไม่ได้เข้ากันเล้ยยย ไม่รู้ฮิตกินกันเข้าไปได้ไง

~~~ร้านของหวานมะม่วง ที่คาดว่าเป็นร้านดัง เพราะเห็นเยอะ~~~

~~~เห็นเละๆอย่างนี้ แต่อร่อยนะ~~~

~~~อันนี้ข้างล่างเป็นไอติมมะม่วง ..อร่อยมากเหมือนกัน~~~

เสร็จแล้วหนุ่มๆยังไม่อิ่ม เดินมาเจอลูกชิ้นต้ม (ไม่รู้เรียกว่าไรอ่ะ ที่เอาลูกชิ้นไปต้มๆในน้ำขุ่นๆ ที่คาดว่าตุ๋นอยู่ในหม้อที่ไม่ได้ล้างมานาน)

ตอนแรกก็ว่าจะกินด้วยอ่ะนะ แต่เผอิญมันมีเนื้อปน เลยไม่เอาดีกว่า ท่าทางหนุ่มๆเค้าจะอร่อยจริง ..เพราะต้องเดินกลับมาซื้ออีกรอบ

เสร็จแล้วไปกินโจ๊กต่อ (เกือบตีสองละ) แต่สั่งมาชามเดียวแบ่งกันกิน 3 คน ..เมย์มันไม่กินแล้ว เสียใจ ไม่มีปาท่องโก๋ Y_Y

~~~ หมดไปอีกวัน ~~~~~~

~~~ร้านลูกชิ้นต้ม~~~

วันนี้พอแค่นี้แหละ ...ต่อพรุ่งนี้นะจ๊ะ ^^

<<<<< อ่านตอนที่แล้ว อ่านตอนต่อไป >>>>>